ต้นจันผา
วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
ต้นแก้ว
ต้นแก้ว
ลักษณะทั่วไป:
ต้น ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 10 ม. เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ
สีเขียวเข้ม เปลือกต้น สีขาวเทา แตกเป็นร่องตามยาว
ใบ
ประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ มีใบย่อย 5-9 ใบ เรียงสลับกันจากเล็กไปหาใหญ่
สีเขียวเข้มเป็นมัน ใบย่อยที่ปลายก้านใบรูปไข่ รูปรี หรือรูปไข่กลับ ปลายแหลม
โคนแหลมหรือสอบ ขอบเป็นคลื่นหรือหยักมนตื้นๆ โคนใบเบี้ยวเล็กน้อย ใบมีต่อมน้ำมัน
ดอก ช่อดอกสั้น ออกตามง่ามใบ ดอกสีขาว
กลิ่นหอม กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบเลี้ยง ขนาดเล็ก ปลายมน
กลีบดอกรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ยาวประมาณ1.2 ซม.
เรียงซ้อนเหลื่อม ฐานรองดอกรูปวงแหวน เกสรเพศผู้ 10 อัน ยาวไม่เท่ากัน
ยาวประมาณกึ่งหนึ่งของกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้แบน รังไข่ติดเหนือวงกลีบ
ก้านเกสรเพศเมียหนา ยาวประมาณ 0.7 ซม.
ยอดเกสรรูปโล่ ร่วงง่าย ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-2.5
เซนติเมตร
ฝัก/ผล รูปรีหรือรูปไข่ กว้าง 5-8 มม. ยาวประมาณ 1 ซม. ผลแก่สีแดงอมส้ม
ต่อมน้ำมันเห็นได้ชัด
ต้นหูกระจง
ต้นหูกระจง
ลักษณะของต้นหูกระจง
ต้นหูกระจง
เป็นไม้ประดับชนิดหนึ่ง ที่มีการเจริญเติบโตเร็ว และมีอายุยืน
ทั้งยังเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงามแตกกิ่งเป็นชั้น ๆ โดยในแต่ละชั้นจะห่างกันประมาณ
50 -
100 เซนติเมตร
และใบของต้นหูกระจงหนามจะเป็นเงา และแน่นกว่าเหมาะที่จะปลูกเป็นไม้ กระถาง
นอกจากนี้ แม้ต้นหูกระจงเป็นไม้ผลัดใบ แต่จะผลัดใบน้อยกว่าหูกวาง
สำหรับดอกของต้นหูกระจง จะมีสีขาวคล้ายดอกกระถินณรงค์
ส่วนเมล็ดหูกระจงจะคล้ายกับเมล็ดพุทรา
ประโยชน์ของต้นหูกระจง
ต้นหูกระจงเป็นไม้ที่มีลักษณะเป็นทรงพุ่ม
จึงนิยมนำมาปลูกเพื่อตกแต่งสวน หรือใช้ประดับริมถนน
ตลอดจนเกาะกลางถนนเนื่่องจากเป็นไม้ที่ให้ร่มเงา ทำให้บริเวณบ้านมีความร่มรื่น
ช่วยบังแดดได้ดี
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเรื่องการเสริมบารมีให้คนในบ้านมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งขึ้นอีกด้วย
ต้นโมก
ต้นโมก
โมกเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง
พบตามเรือกสวนไร่นาและตามป่าเบญจพรรณทั่วๆ ไปลำต้นมีความสูงประมาณ 5–12 เมตร ผิวเปลือกมีสีน้ำตาลดำ
ลำต้นกลมเรียบมีจุดเล็ก ๆ สีขาวประทั่วต้น แตกกิ่งก้านสาขารอบลำต้นไม่เป็นระเบียบ
ใบเป็นใบเดียวออกเรียงกันเป็นคู่ตามก้านใบ มีขนาดเล็กรูปไข่ ปลายใบมนแหลม
โคนใบแหลม คล้ายใบแก้ว เนื้อใบบางสีเขียว ออกดอกตามซอกใบเป็นช่อ ๆ ละ 3-5 ดอก โดยจะคว่ำหน้าลงสู่พื้นดิน
มีทั้งดอกลา และดอกซ้อน ดอกสีขาว กลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่มีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี ฝักออกเป็นคู่มีขนาดเล็กยาวคล้ายฝักถั่วเขียวยาวประมาณ
10 เซนติเมตร ลักษณะโค้งงอเข้าหากัน
ภายในมีเมล็ดเรียงอยู่เป็นจำนวนมาก
ต้นโกสน
ต้นโกสน
ความเป็นมงคล
ต้นโกสนเป็นไม้มงคล
ชื่อนั้นพ้องกับ คำว่า กุศล จึงเชื่อว่า คือการสร้างบุญ คุณงามความดี
ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นไม้ยืนต้นที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจาก
สีสันสวยสดของใบ และคุณสมบัติที่ช่วยเสริม ความเป็นสิริมงคลให้กับบ้านอีกด้วย
การปลูก
โกสนเป็นไม้ที่ปลูกเลี้ยงง่าย
ชอบดินโปร่งร่วนซุย อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่มีน้ำขังแฉะ มีอินทรียวัตถุปานกลาง
ดินที่เหมาะ ในการใช้ปลูกเลี้ยงโกสน คือดินท้องร่อง สวนที่มีส่วนผสมของใบทองหลาง
ใบก้ามปู หรือกาบมะพร้าว สับละเอียด ถ้าใช้ดินปลูกเป็นดินเหนียว
ที่แน่นทึบจะทำให้รากเน่า และใบร่วงง่าย ปุ๋ยคอก ควรใช้ในปริมาณ ที่เหมาะสม
ไม่มากเกินไป เพราะอาจทำให้ โกสนสูงชะลูด เสียรูปทรงได้
ปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัส และโปรแตสเซียมสูง
จะช่วยให้สีของใบสดใสและเข้มขึ้น ถ้าใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง จะทำให้โกสน
มีใบเขียวจัด ลายของสีอื่นๆ จะลดลง แสงแดดก็มีส่วนช่วยให้สีของใบโกสนสวยเป็นเงางาม
แต่ไม่ควรให้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน การรดน้ำ ควรรดในปริมาณ ที่พอเหมาะไม่แฉะเกินไป
ควรทำการตัดแต่งกิ่งก้านและใบให้ได้รูปทรงที่สวยงาม
รวมทั้งตัดใบและกิ่งที่แก่หรือแห้งออกบ้าง
ดอกรักเร่
ดอกรักเร่
ดอกรักเร่ เป็นไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน
สูง 40-100 เซนติเมตร ใบเดี่ยวหรือใบประกอบ ใบย่อยสามใบ
ออกตรงข้าม ปลายแหลม ขอบจักดอก มีหลายพันธุ์ เช่น ชมพู่ ส้ม ฯลฯ
อาจมีลายหรือมีสองสีในดอกเดียวกัน ออกเดี่ยวที่ปลายยอด ริ้วประดับมี 2-3 ชั้น
ดอกวงนอกรูป รางน้ำ ชั้นเดียวหรือหลายชั้น ดอกวงในเป็นหลอดปลายจัก 5 แฉกผลแบนนิเวศวิทยา
– ถิ่นกำเหนิด เม็กซิโกออกดอก – ตลอดปีขยายพันธุ์
– เมล็ด หัวใต้ดินประโยชน์ – หัวใต้ดิน
ต้มกับหมูรับประทานแก้โรคหัวใจ แก้ไข้ต้น น้ำคั้นจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะอ่อน
ๆ ฆ่าเชื้อ Staphylococcusใบ บางทีมีพิษ ดอกรักเร่จากวิกิพีเดีย
สารานุกรมเสรีรักเร่ เป็นดอกไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก โคลัมเบีย
และทั่วไปในทวีปอเมริกากลาง ดอกมีรูปทรงและสีสันสวยงาม ก้านดอกแข็งแรง
นิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอกเช่นเดียวกับกุหลาบ
แต่ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกเพราะชื่อไม่เป็นมงคลนั่นเอง
ในอเมริกามีคดีฆาตกรรมชื่อดังที่ยังเป็นปริศนามาถึงทุกวันนี้ชื่อว่า Black
Dahlia
ดอกกระดาษ
ดอกกระดาษ
ดอกกระดาษเป็นดอกไม้ที่บานแล้วไม่โรย (everlasting
flower) ชนิดที่เรารู้จักกันดีที่สุด
เมื่อยังสดดอกกระดาษมีกลีบดอกที่ดูแห้ง ถ้าลองจับกลีบดอกดูจะรู้สึกเหมือนกลีบดอกทำด้วยกระดาษ
ครั้นเมื่อดอกแห้งแล้วสีดอกก็ยังสดเหมือนเดิม
ดอกกระดาษพันธุ์สูงนิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก
ส่วนพันธุ์เตี้ยใช้ปลูกประดับแปลงได้ด้วยนอกเหนือจากเป็นไม้ตัดดอกทั้งสดและแห้ง
ตัวดอกกระดาษสามารถคงสีสวยและไม่ร่วง แต่ก้านดอกเหี่ยวแห้งและเสียเร็วเหมือนไม้ดอกทั่วๆ
ไป จึงนิยมตัดแต่เฉพาะตัว
ดอกออกแล้วใช้ลวดหรือไม่ไผ่เหลาเสียบแทนก้านแล้วทาสีด้วยสีเขียวหรือใช้กระดาษสีเขียวใบไม้พัน
แทนก้านดอกจริงทำให้ใช้ประโยชน์ได้นาน
เป้าหมายในการปรับปรุงพันธุ์ดอกกระดาษคือ
ความมีสีสดของกลีบดอกเพื่อให้ดอกสีสด และเข้มมากขึ้นเมื่อดอกแห้ง
ดอกกระดาษชอบอากาศเย็นและแดดจัดด้วย
จึงควรปลูกในฤดูที่มีอากาศเย็นเท่านั้น
โดยเพาะเมล็ดตอนปลายฤดูฝนกว่าจะให้ดอกก็ใช้เวลา 4-5 เดือน
แล้วแต่ว่าเป็นพันธุ์สูงหรือเตี้ย ควรตัดดอกเมื่อกลีบนอกๆ
บานแล้วแต่ใจกลางดอกยังหุบแน่นอยู่ถ้าตัดช้าเกินไปดอกจะบานจนเห็นเกสรสีเหลือง
กลีบดอกชั้นนอกดีดลงข้างล่างทำให้ไม่สวย และเกสรจะร่วงทำให้ดูไม่สะอาด
ต่อมากลีบดอกจะร่วงเร็ว สีซีดลงและเก็บไว้ไม่ได้นาน ดังนั้น
การตัดดอกจึงต้องตัดในระยะที่ถูกต้องแล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อทั้งก้านและตัวดอกแล้วห้อยหัวลงในที่ร่มและอากาศแห้ง
มีลมพัดผ่านบ้างให้แห้งอย่างช้า ๆ
ไม่ควรตากแดดโดยตรงเป็นอันขาดเพราะความร้อนและอุณหภูมิสูงทำลายเม็ดสีในดอกทำให้สีซีดไม่สวย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)